การรักษาบำรุงรถยก คือ กระบวนการตรวจเช็คเพื่อให้แน่ใจว่าระบบการทำงานของรถยก สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อการใช้งาน การตรวจสอบรายวันก่อนการใช้งานของพนักงานแต่ละคนและการดูแลรักษาอย่างถูกต้องเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำ รถยกของคุณสามารถให้บริการได้นานหลายปีถ้ามีการดูแลและบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม
หากคุณละเลยการบำรุงรถยกจะเกิดอะไรขึ้น
การละเลยในการดูแลรักษารถยกอาจทำให้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เปลี่ยนเป็นปัญหาที่รุนแรงและมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานในการซ่อมแซมและจะส่งผลกระทบต่อการทำงานขององค์กรหรือโรงงาน เราได้สรุปผลกระทบของการละเลยได้ดังนี้
- เสี่ยงอุบัติเหตุ: การละเลยการตรวจบำรุงรักษารถยก อาจทำให้เกิดเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เช่น ระบบเบรกที่ไม่ทำงาน, ไม่สามารถควบคุมแขนยกได้ ซึ่งอาจเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงสำหรับผู้ขับขี่และผู้ใช้งานอื่นๆ บนพื้นที่งานหรือบริเวณที่ใช้งานรถยก มีรายงานการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานรถยกประมาณ 85 รายต่อปี และเหตุอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถยกมีจำนวนถึง 34,900 รายต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ของเหตุการณ์เหล่านี้มีที่มาจากผู้ปฏิบัติการงานไม่ได้ผ่านการอบรมรถยก แต่บางส่วนก็อาจมาจากการละเลยในการดูแลรักษา ไม่ได้ตรวจเช็คสภาพรถยกว่ามีสภาพการใช้งานที่ดีและปลอดภัยหรือไม่
- ความเสียหายที่เพิ่มขึ้น: การที่ไม่ได้ตรวจเช็คทำให้เราละเลยจุดเสียหายของอุปกรณ์ หรือส่วนประกอบของรถยก หากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขทันที ปัญหาอาจพัฒนาเป็นระยะยาวและมีความรุนแรงขึ้น ทำให้การซ่อมแซมที่มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
- การลดอายุการใช้งานของรถยก: ความเสียหายของอุปกรณ์เล็กๆน้อยๆ ที่ไม่ได้ซ่อมแซมในทันที จะก่อให้เกิดสึกหรอของอุปกรณ์อยู่บ่อยครั้ง เจ้าขององค์กรจำเป็นต้องส่งซ่อมแซมหรืออุปกรณ์ที่ชำรุดอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ลดประสิทธิภาพในการทำงานของรถยกในระยะยาว
- การสูญเสียเวลาและเงิน: การหยุดการใช้งานรถยก เพื่อการซ่อมแซมและการบำรุงรักษาโดยที่ไม่ได้คาดคิด เป็นการสูญเสียเวลาในการทำงาน ส่งผลกระทบต่อยอดผลิตรายวัน และค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการซ่อมแซมและบำรุงรักษา
แผนการตรวจและซ่อมบำรุงรถยก ควรเป็นอย่างไร
ในการตรวจซ่อมบำรุงรถยก เพื่อไม่ให้ผู้ใช้รถยกเสียเวลาในการตรวจสอบ องคืกรมักจะจัดแผนการตรวจตามความจำเป็น เนื่องจากในระบบรถยกอาจมีบางส่วนไม่จำเป็นต้องตรวจบ่อย จึงได้แบ่งการตรวจเช็คออกเป็นการบำรุงรักษารายวัน บำรุงรักษารายเดือน และการบำรุงรักษาแบบ 6 เดือน -1 ปี ซึ่งมีรายละเอียดการตรวจสอบดังนี้
1.การบำรุงรักษารถยกรายวัน
การตรวจสอบเมื่อเครื่องปิด:
- การรั่วไหลของเชื้อเพลิง, น้ำมันไฮดรอลิก, น้ำมันเครื่อง, หรือน้ำหล่อเย็นของหม้อน้ำ
- สภาพและแรงดันของลมยาง
- การปรับแต่งโหลดของระบบรักษาความปลอดภัยของรถยก
- ท่อไฮดรอลิก, โซ่เสา, สายเคเบิล
การตรวจสอบเมื่อเครื่องเปิด:
- ระบบคันเร่งเร่ง
- ระบบเบรก
- การทำงานของระบบเบรกจอดรถ
- การทำงานของพวงมาลัย
- การควบคุมการขับเคลื่อนไปข้างหน้าและถอยหลัง
2.การบำรุงรักษารถยกรายเดือน
- ตรวจสอบโครงสร้างของรถยก เช่น พบรอยแตกหรือไม่
- ทำการเปลี่ยนเครื่อง และไส้กรอง
- ปรับจังหวะการเดินของเครื่องยนต์
- ตรวจสอบสายพาน
- ตรวจสอบการทำงานของลิฟต์ยก การเอียง และกระบอกสูบ ทำงานปกติหรือไม่
- ตรวจสอบการทำงานของแบตเตอรี่ในรถยกไฟฟ้า ระยะเวลาพลังงานในแบตเตอรี่อยู่นานตามมาตรฐานหรือไม่
3.การบำรุงรักษาทุก 6เดือน หรือ 1 ปี
ในการตรวจาสอบในระยะเวลานี้ขึ้นอยู่กัน รถยกแต่ละยี่ห้อ ที่จะมีคำแนะนำของผู้ผลิตต่างกันออกไป การตรวจเช็ค และบำรุงรักษาโดยรวมมีรายละเอียดดังนี้
- การตรวจสอบอรอยแตก บริเวณ โครงสร้าง แป้นเหยียบและเบรก ลิฟท์ ลูกกลิ้งขนส่ง ท่อ
- การทำความสะอาดระบบของรถยก รวมถึงหม้อน้ำของรถยก
- ปรับแบริ่ง คลัตช์ กระบอกเอียง บูชรองรับเสา
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบรก สารหล่อเย็นเครื่องยนต์ น้ำมันหล่อลื่น เปลี่ยนไส้กรอง
- เช็ตน็อต และสลักเกลียวหัวเครื่องยนต์
- ตรวจสอบรอยเชื่อมเสาหลัก
- การตรวจสอบแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้าสำหรับรถยกไฟฟ้า หากทำงานไม่ปกติให้ทำการเปลี่ยนแบตใหม่
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงแค่ตัวอย่างในการจัดแผนตรวจและบำรุงรักษารถยก ทั้งนี้แผนการขึ้นอยู่กับช่างเทคนิคขององค์กรที่จะประเมินจากการใช้งานจริงภายในองค์กร ซึ่งปัจจัยที่มักใช้ในการพิจารณาการตรวจมีตามหัวข้อถัดไป
ความถี่ในการตรวจ ซ่อมบำรุงรถยกวัดจากอะไร
การกำหนดความถี่ในการตรวจสอบรถยกเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างเสถียรและปลอดภัย ขั้นตอนแรกในการกำหนดความถี่นี้คือการวิเคราะห์ทางวิศวกรรมของอุปกรณ์โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
- อายุ สภาพ และคุณค่าของอุปกรณ์: ความถี่ในการตรวจสอบควรพิจารณาอายุของอุปกรณ์ สภาพปัจจุบันของอุปกรณ์ว่ามีการสึกหรอ หรือปัญหาใดๆ ที่ต้องการการแก้ไข และความสำคัญของอุปกรณ์ในการทำงานของระบบทั้งหมด
- การใช้งานหนักแค่ไหน: การใช้งานรถยกในสภาวะที่มีการใช้งานมากหรือการใช้งานในการยกของหนักมาๆ อาจต้องการความถี่ในการตรวจสอบที่มากขึ้น
- ข้อกำหนดด้านความปลอดภัย: ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดและมาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง ที่ผู้ผลิตแนะนำในแต่ละยี่ห้อ
- เวลาทำการ: ความถี่ในการตรวจสอบควรพิจารณาเวลาที่เหมาะสมในการทำการบำรุงรักษาโดยพิจารณาถึงความสะดวกและความพร้อมในการทำงาน
- คำสั่งงานบำรุงรักษาที่ผ่านมา: การตรวจสอบประวัติคำสั่งงานบำรุงรักษาที่ผ่านมาช่วยให้สามารถกำหนดความถี่ในการตรวจสอบในอนาคตได้อย่างเหมาะสม
ด้วยข้อมูลที่ได้รับจากการวิเคราะห์ต่างๆ การกำหนดความถี่ในการตรวจสอบรถยกจึงจะสามารถทำให้การบำรุงรักษารถยกมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามความต้องการของการใช้งานและเงื่อนไขการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
สรุป
การบำรุงรักษาและการดูแลรักษารถยกในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีความสำคัญ เนื่องจากมีผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการทำงาน ดังนั้น, การมีการบำรุงรักษาและการดูแลรักษารถยกอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินงานของโรงงานอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
บทความที่เกี่ยวข้อง
- การจัดการกับอุบัติเหตุที่เกิดจากรถยก
- 8 ประโยชน์การอบรมรถยก
- ความต่างรถยกชนิดน้ำมันดีเซล กับ รถยกชนิดน้ำมันเบนซีน