รถโฟล์คลิฟท์ชนิดน้ำมันดีเซล

stacker forklift

รถโฟล์คลิฟท์ดีเซล

เครื่องยนต์ดีเซล (Diesel) จะใช้น้ำมัน ดีเซลทั่วๆไป แต่ถ้าต้องการใช้เป็นน้ำมัน B10 ถามว่าใช้ได้หรือไหม ตอบได้เลยว่า ใช้ได้ แต่ต้องคอยตรวจและหมั่นดูแลรักษาให้มีความถี่มากกว่าปกติ (เช่น การเช็คและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เช็คกรองต่างๆ ปกติ 400 ชั่วโมง อาจจะขยับมาเป็น 200 ชั่วโมง หรือ 300 ชั่วโมง) ระบบรถฟอร์คลิฟท์ดีเซล (Diesel Forklift) ถูกออกแบบมาให้เน้นรองรับงานหนักอย่างต่อเนื่อง รองรับ ความต้องการแรงบิดสูง ซึ่งทำได้ดีในรอบต่ำ รองลงมาคือรถฟอร์คลิฟท์โพรเพน (LPG Forklift) แต่ ทั้งสองแบบก็มีข้อด้อยที่ไม่สามารถใช้งานในที่ร่มได้และไม่ถูกยอมรับให้ใช้ในอุตสาหกรรมอุปโภค รถฟอร์คลิฟท์โพรเพน (LPG Forklift) ถึงแม้จะอนุโลมให้ใช้ในร่มได้หากใช้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ไม่เป็นที่ยอมรับให้ใช้ กับสินค้าบริโภค ในขณะที่ระบบไฟฟ้าถูกใช้ในที่ร่มได้และเป็นที่ยอมรับให้ใช้ในสินค้าอุปโภคบริโภค การดูแล รักษาก็ง่าย แต่ก็มีข้อด้อยที่ไม่สามารถใช้ต่อเนื่องได้ 24 ชม. เนื่องจากการชาร์ตแบตเตอรี่ต้องใช้เวลา นานและยังมีข้อเปราะบางที่จะไม่ทนต่อสภาพภายนอกที่จะทำให้เสื่อมไว

ข้อดี

1.1 ซ่อมบำรุงง่ายเนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซลโฟล์คลิฟท์ จะเหมือนกับเครื่องยนต์ดีเซลของรถทั่วๆไป และที่สำคัญคืออะไหล่หาง่าย เนื่องจากโฟล์คลิฟท์ดีเซลมีการใข้งานกันอย่างแพร่หลายและเป็นที่นิยม

1.2 ทนต่อความร้อน และความเย็น มากที่สุดในทั้ง 3 ระบบ และสามารถทำงานกลางแจ้งได้

ข้อเสีย

2.1 รถประเภทนี้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คือ รถโฟล์คลิฟท์ดีเซลจะมีเสียงดัง และมีเขม่าควันออกมามาก ซึ่งไม่เหมาะกับการทำงานในโรงอาหาร หรือที่ๆต้องการรักษาด้านความสะอาดเป็นพิเศษ

2.2 มีต้นทุนด้านเชื้อเพลิงสูงกว่ารถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า

เหมาะกับคุณไหม ?

                รถโฟล์คลิฟท์ดีเซล เหมาะสำหรับการทำงานในทุกสภาพการทำงาน ยกเว้นแต่เป็นสถานที่ๆต้องการความสะอาดหรือรักษาสภาพแวดล้อมเป็นพิเศษจะไม่เหมาะกับคุณ เนื่องจากโฟล์คลิฟท์ดีเซลมีเสียงดัง และเขม่าควันมาก ในด้านสภาพอากาศประเทศไทยเป็นเมืองร้อน รถประเภทนี้จึงนิยมใช้ในประเทศไทยมากที่สุด